ตำนานผีหัวกับไส้

 


ตำนานผีหัวกับไส้ "กระสือ" 

Voice Online ๖ เมษายน 2552   

 

ผีกระสือถูกนำมาสร้างเป็นละครและละครถี่เรื่องหนึ่ง ที่แท้จริงแล้วปีศาจนี้มีที่มาแค่หัวกับไส้จริงหรือ?

"กระสือกลางวันมันเป็นหญิง มีทุกสิ่งธรรมด๊าธรรมดา" เสียงเพลงที่อยู่ในใจใครหลายคนและมักจะร้องเวลาได้ยินคำว่ากระสือ

ผีกระสือ ที่ทุกคนรู้จักว่ามีหัวกับไส้ มีดวงไฟส่องแสงลอยออกมา นี่คือภาพจำที่ทุกคนคิดว่าผีกระสือมีรูปลักษณ์แบบนี้จากละครและละครกระแตสาว 

ข่าวหุ้นไทยทีมวอยซ์ออนไลน์สัมภาษณ์ที่คุณภาคภูมิ น้อยวัฒน์  บรรณาธิการโครงการตำนานนิยายภาพผีไทย ของทวีวิษณุกร   ผู้ที่ศึกษาของผีกระสือเล่าว่า "จริง ๆ แล้วพูดถึงรูปร่างหน้าตาของกระสือที่มีหัวกับไส้น่าจะเพิ่งมามีในสมัยสมัยในกระโจมได้ถูกพูดรวมกับปีศาจอื่นคือผีชมบปีศาจจะกละ แล้วมันก็สยองขวัญกระเจิงพวกนี้จะรวมอยู่ด้วยกันลักษณะเด่นของพวกนี้คือมีการควบคุมการกินที่กินสิ่งสกปรกกินสิ่งที่กินสิ่งเล็ก ๆ ตามเอกสารเราจะเห็นว่ามันมีชื่อเรียกมาโยงกันความ แบบดั้งเดิมทางเหนือเรียกผีกระโจมว่าผีเสอทางอีสานเรียกผีโพงภาคกลางเรียกผีกระโถนทางใต้เรียกผีจะกละในท่าผีที่บอกมาเป็นเลือดชั้นระดับมันมีแค่ไหนที่เกี่ยวข้องถูกบันทึกไว้ใน ลักษณะของการควบคุมการกินที่น่ารังเกียจไม่อยากไปเยี่ยมเยียนแล้วก็ทำให้เหมือนมีบทลงโทษสำหรับคนที่เป็นปีศาจนี้ด้วย "

คุณภาคภูมิเล่าว่าที่มากำเนิดผีกระโจมมีลักษณะเป็นคนรูปร่างเป็นคนแน่ ๆ มีบันทึกไว้ในสมัยหลายเรื่องที่พูดถึงผีกระแตในเวลาที่พูดออกไปเดินไปไม่ได้เหาะไปซึ่งถูกบันทึกไว้ปลายสมัย กรุงศรีอยุธยาถึงสมัยกรุงธนบุรีที่ในบ้านจะพูดถึงลักษณะกระแตแบบนี้อย่างในกฎหมายตราสามดวงแค่ว่ามีลักษณะยังไง แต่ไม่ได้บอกว่ามีหัวกับไส้ไส้กรองที่ค้นมาจากสมัยอยุธยาถึงสมัยธนบุรีผีกระแตยัง เดินอยู่ยังไม่มีการขยับหัวลอยไปแน่ ๆ

" มีเรื่องเล่าของคนโบราณในครอบครัวผมสมัยก่อนผีกระแตคนจะชอบไปจับตัวเหมือนเรียกค่าไถ่เพราะมีทองถิ่นเขามีวิธีที่จะจับผีกระสือด้วยการเอาไก่ไปไว้แล้วให้เอาไม้ซุงของแม่หม้าย ขังไว้ข้างบนผีกระโจมจะหนีไปไหนไม่ได้เหมือนกันติดคุกเลยแล้วถ้าผีกระแตอยากให้พ่อต้องเอาทองมากั้นอันนี้เป็นวิธีที่ชาวบ้านจะเรียกค่าไถ่จากกระแตได้ว่าเอาทองมาแลกเสีย จะปล่อยให้ไปพูดนี้คุณปู่ยังเคยเล่าให้คุณพ่อของผมฟังว่าสมัยหลังบทที่สองไม่นานมีเรื่องเล่าว่าสามารถจับผีกระโถนได้ที่จังหวัดซึ่งผีกระโถนมีรูปลักษณ์หัวกับไส้และมีแขน " 

" ที่มาพูดเป็นลายลักษณ์อักษรว่าได้มีคุณหัวกับละเอียดไส้นี่คือสมัยพระยาอนุมานราชธนหรือเสฐียรโกเศศ’ท่านเป็นนักวิชาการที่สนใจศึกษาเป็นเกี่ยวกับวัฒนธรรมไทย English ท่านทำหนังสือเรื่องผีสางเทวดา ท่านใช้วิธีหัวเรื่อง: การแบบ มานุษยวิทยาคือการเข้าไปหาข้อมูลจากชาวบ้านหลาย ๆ รายการข้อมูลจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่เชื่อเรื่องผีกระสือ แต่ก็ต้องบอกว่ามันไม่ใช่ข้อมูลทั่วไปที่คนจะรู้เพราะสมัยนั้นหนังสือจะมีการอ่านเพียงแค่คนเฉพาะ บางซื้อราคา "   

" แต่จุดเริ่มต้นที่คนทั่วไปมีภาพจำผีกระแตว่ามีหัวกับไส้จริงๆมาจาก อ. ทวีวิษณุกรที่วาดเป็นภาพการ์ตูนขึ้นมาซึ่งได้วาดครั้งแรกในการ์ตูนเรื่องกระแตสาวปี พ.ศ. 2511 โดย เริ่มต้นตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในหนังสือการ์ตูนหนูจ๋า " 

"อ.ทวี เล่าให้ผมฟังว่า แรงบันดาลใจที่เขียนเรื่อง กระสือสาว นั่นมาจาก สมัยที่ อาจารย์เด็กๆอยู่ที่ จ.ลพบุรี ตอนกลางคืนออกมาปัสสาวะหน้ากระท่อม แล้วก็บังเอิญมองไปบนยอดต้นไผ่ เห็นเหมือนหน้าผู้หญิงอยู่บนนั้น อาจารย์ตกใจมาก และเป็นเรื่องที่กลัวมาก กับอีกเรื่อง ที่คุณพ่อของ อ.ทวี เคยเล่าให้ฟัง ว่าตอนไปเป็นทหารไปรบในเขมร มันมีเหตุการณ์ที่น่าตื่นเต้นเรื่องหนึ่ง ทหารเขมรเอามีดฟันคอภรรยาตัวเองจนตายหัวขาด เมื่อจับทหารคนนั้นมาสอบสวน ทหารให้การว่า เห็นดวงไฟเขียวๆลอยเข้าไปในตัวภรรยาของเขา เขาก็เลยเอามีดฟันลงไป อ.ทวี เลยเอาสองเรื่องนี้มารวมกัน สร้างสรรค์เป็นการ์ตูนภาพ กระสือ แต่กระสือของอาจารย์ ไม่ใช่กระสือเฉยๆ เป็นกระสือสาว เนื่องจากในเอกสารของ พระยาอนุมานราชธน ท่านเขียนไว้ชัดเจนว่าผีกระสือในความเชื่อคนส่วนใหญ่ เป็นผู้หญิงแก่ อันนี้คือสิ่งที่ อ.ทวี สร้างสิ่งแตกต่างออกไป"

แนวคิดสำคัญ ในกระสือสาว ของ อ.ทวี คือ อาจารย์ต้องการสร้างโศกนาฏกรรมของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ชะตากรรมเล่นตลก ต้องมารับความเป็นกระสือจากยายของตนเอง ซึ่งในเรื่องการสืบทอดเป็นกระสือ ผ่านการมอบแหวนที่ทำจากเส้นผมของผีตายโหง ที่ยายของนางเอกได้มอบให้ เพื่อเป็นตัวสื่อวิญญาณไปสิงร่างของนางเอก โดยในการ์ตูน ยังเน้นเรื่องการทำความดี คุณธรรม จริยธรรม เพื่อสื่อไปยังเด็กๆที่ได้อ่านอีกด้วย"

ดังนั้น กระสือที่ทุกคนจดจำ ก็คือกระสือในแบบ ที่ อ.ทวี วิษณุกร ได้วาดขึ้นมา"

 

การตีความใหม่ ของ กระสือ 2019

 

เมื่อผีกระสือ กลับมาโลดแล่น บนจอเงิน พร้อมกันถึง 2 เรื่อง โดยไม่ได้นัดหมาย ซึ่งต่างตีความการกลับมาของผีกระสือแตกต่างกันไป แต่ยังคงรูปแบบ หัวกับไส้ และอาหารที่พวกมันมักจะกินของเน่าเสีย

แสงกระสือ ภาพยนตร์ระทึกขวัญแต่แฝงความโรแมนติก ผลงานการกำกับโดย สิทธิศิริ มงคลศิริ กระสือในภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังคงมีหัวกับไส้ แต่ไส้ได้ถูกออกแบบแตกต่างไปจากภาพจำที่ผ่านมา

 

สิทธิศิริ มงคลศิริ ผู้กำกับ ภ.แสงกระสือ เล่าถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบผีกระสือ ว่า

"แต่ก่อนผีกระสือจะเป็นกระสือที่มีหัวกับเครื่องใน ผมยังรักษาหัวใจไว้ หัวใจที่มันส่องแสง เพราะ แสงกระสือ เป็นหนังรัก อวัยวะที่สำคัญที่สุดคือ หัวใจ และนอกนั้น จะเป็นเส้นเลือดเส้นประสาท นั่นคือ ความคิดและแรงบันดาลใจครับ

"คาแรคเตอร์ทุกอย่างผมยังเก็บไว้ กระสือยังถอดหัวอยู่เหมือนเดิม กระสือยังกินวัวกินควายอยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่ากระสือจะไม่กินขี้แหละ(หัวเราะ) ก็จะกินของเสีย กินวัวกินควายกินไก่ มันทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน 

"เขาถอดหัวไหม ถอด น้ำลายเหมือนเดิมไหมเหมือนเดิม เพียงแต่เราแค่เปลี่ยนมันนิดหนึ่ง เราบิดมันหน่อย เป็นน้ำลายแทนที่มันจะคายลงขันใช่ไหมครับ ในเมื่อพอเป็นหนังวัยรุ่น ผมก็ให้มันจูบกัน การจูบกันมันก็เป็นการที่น้ำลายมันแลกกัน

แม้ร่างกายเธอจะเปลี่ยนไป แต่หัวใจยังเป็นเหมือนเดิม”

แสงกระสือ จะเป็นการตีความใหม่ เราไม่มองกระสือเป็นสิ่งที่เรากลัว หนังเรื่องนี้คนจะสงสารกระสือ

"ผมตั้งคำถามว่า ถ้าคนเรารูปร่างหน้าตามันเปลี่ยนไป วันหนึ่งเราจะไม่สวยเหมือนเดิม เราจะต้องเป็นสัตว์ประหลาด เราจะต้องเป็นคนที่แปลกแยกจากคนอื่น คำถามคือ แต่หัวใจเรายังเป็นมนุษย์ คนอื่นมองเราว่า เราเป็นสัตว์ประหลาด แต่จริงๆแล้วข้างในหัวใจเราก็เป็นมนุษย์ ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป ในขณะที่มนุษย์เอง ข้างนอกเป็นมนุษย์ แต่ข้างในมีหัวใจที่ไม่ต่างจากสัตว์ประหลาดบางตน"

ในขณะที่ละครกระแตสยามแอคชันแพลนลานขวัญผลงานของผู้กำกับกฎหมายปิ่นแก้วยังคงคิดหัวกับไส้ แต่กระแตราคาถูกเป็นสปีชีส์หนึ่งของสิ่งมีชีวิต   

คำสอนปิ่นแก้วผู้กำกับละครกระโจมสยามเล่าถึงการสร้างผีกระสืออีกครั้งว่ามีพิษร้ายแรงเป็นพิเศษเพราะเป็นผีที่ไร้สาระมากตอนดูหนังก็กลัวมากแล้วไม่เคยคิดว่าผีมีหัวกับไส้ที่เรา เห็นในการ์ตูนนั้นพอมันเป็นหนังแล้วทำให้เรากลัวได้ขนาดนั้นซึ่งมันเป็นสิ่งนี้ 

" ผมทำคล้ายกระโจมเดิมนะถ้ามองรวม ๆ แต่ถ้ามองในรายละเอียดเราจะเห็นว่ามันมีความแตกต่างกันการจัดระเบียบวาระที่อยู่ในกรุงเทพอยู่กันยังไงตอนที่เขายังไงและในความเป็นจริงถ้าเรา ว่ากันว่าเขาทำอาชีพอะไรเขามีรายได้จากอะไรมันนำไปสู่การอยู่รอดของลำเจียกบางเขาก็มีชีวิตของเขาเป็นคนเดินกระเด้งทางบ้านได้ในสังคมแล้วจะว่าไปกระแตในตำนานเป็นปีศาจ ที่ไม่น่ากลัวด้วยเป็นปีศาจที่ไม่ทำร้ายคนด้วย”

 

ความคิดเห็น